ตารางสูตรแบล๊คแจ๊ค ที่เรามาแจกกันในวันนี้ ถือเป็น กลยุทธ์การเดิมพันพื้นฐานที่ทั่วโลกเลือกใช้ และได้รับการยืนยันมาแล้วมาได้ผลจริง ซึ่งเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายๆ ผลเลยแบ่งตารางสูตรออกเป็น 3 ส่วนๆ
ก็คือ ไพ่ยาก (Hard Card) ไพ่ง่าย (Soft Card) และไพ่แยก (Split Card) โดยให้จำไว้ว่า ช่องตัวเลขซ้ายสุดในตารางคือ แต้มไพ่ในที่คุณอาจได้รับ และตัวเลขในตารางด้านบนสุดคือ ไพ่ดีลเลอร์ 1 ใบที่เปิดอยู่ ให้คุณเห็น
1.Hard Card ไพ่แต้มรวมในกรณีที่ไม่มี A
- หากผู้เล่นมีแต้มรวม = 17 แต้มหรอือมากกว่า ให้เลือก Stand ทุกกรณี
- หากผู้เล่นได้ไพ่ 16 หรือต่ำกว่า แต่ไพ่ 1 ใบ ที่ดีลเลอร์เปิดอยู่นั้นมีค่ามากกว่า เช่น 7,8,9,10 และ A ก็ให้จั่วไพ่เพิ่ม เพื่อให้ได้แต้มที่สูงกว่าไพ่ที่ดีลเลอร์เปิดอยู่
- การดับเบิ้ลดาวน์ จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อไพ่ของผู้เล่นทั้งสองใบรวมกันแล้วได้ 11 แต้ม ให้กด Double ทุกกรณี หากเป็นแบบอื่นก็แบ่งไปเป็นกรณีตามภาพ
2.Soft Card ไพ่ 1 ใน 2 ใบ ของผู้เล่นมี A รวมอยู่
- หากได้แต้มเยอะ ให้ stand- หากไพ่ผู้เล่นแต้มรวมไม่เยอะ ถึง 18 19 20 แล้วดีลเลอร์ได้ไพ่แต้มต่ำ 3-7 สามารถกด Double ได้ลุ้นให้เจ้ามือแต้มเกิน
- สามารถกด Hit หรือ Stand ได้ตามความเหมาะสม เพราไม่ต้องกลัวว่าจะ Bust
3.Pair Card ไพ่คู่ที่มีเลขเดียวกัน หรือมีค่าเท่ากัน
สำหรับการแยกไพ่นั้นถือเป็นช่องทางการทำเงินจากเกมแบล๊กแจ๊คที่ค่อนข้างเห็นผล โดยกรณีที่ผู้เล่นควรจะแยกไพ่ ที่น่าสนใจก็จะมี
- A-A แยกทุกกรณี แต่จะได้ไพ่เพิ่มแค่ใบเดียว ลุ้นให้ได้แต้ม 21- ควรแยกไพ่ เมื่อไพ่ที่จะแยกมีแต้มมากกว่าไพ่ที่เปิดอยู่ของดีลเลอร์
- หากไพ่คู่เราแต้มน้อย แล้วเจ้ามือได้ได้ไพ่ไม่สูงมาก ก็สามารถทำการแยกได้
- ไม่ควรแยกไพ่ที่มีค่า = 10 ทุกกรณีเนื่องจากแต้ม 20 ถือเป็นไพ่สูง และผู้เล่นมีโอกาสชนะมากกว่า 90% ดังนั้นไม่ว่าไพ่ดีลเลอร์จะแย่แค่ไหน ก็ไม่ควรแยก
เพิ่มเติม http://zikkety-zak.com/ | http://inmobiliariatrece.com/